การตั้งค่าตัดตก (หรือค่า Bleed) จะแตกต่างกันไปในแต่ละโปรแกรมที่ใช้งานนะครับ โปรแกรมส่วนใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่องานสิ่งพิมพ์มักจะมีฟังก์ชั่นสำหรับการ set ค่าตัดตกนี้ไว้อยู่แล้ว แต่บางโปรแกรมก็ไม่มี นักออกแบบจะต้องเป็นคนทำเองทั้งหมด โดยหลัก ๆ โปรแกรมที่เรามักจะใช้งานเพื่อการออกแบบสิ่งพิมพ์ก็มักจะไม่พ้น 3 โปรแกรมหลักจากค่าย Adobe นั่นก็คือ Illustrator InDesign และ Photoshop นั่นเองครับ โดยทั้ง Illustrator และ InDesign ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการออกแบบสิ่งพิมพ์โดยตรงจะมีฟังก์ชั่นสำหรับ Bleed ไว้อยู่แล้ว แต่ Photoshop ไม่มี เพราะเป็นโปรแกรมเอาไว้แต่งภาพมากกว่าที่จะมาทำสิ่งพิมพ์ครับ ซึ่งในบทความนี้ จะมาว่าถึงวิธีการตั้งระยะตัดตกสำหรับหนังสือ งานไดคัท สติ๊กเกอร์ กล่องบรรจุภัณฑ์ หรืองานที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยโปรแกรม Adobe Illustrator ครับ
วิธีการ Set ระยะตัดตกใน Adobe Illustrator
สำหรับการตั้งค่าตัดตกใน Illustrator มีได้ 2 วิธีคือ ตั้งค่าจากการสร้าง artboard ใหม่เลย กับตั้งค่าจาก artboard ที่ทำงานอยู่แล้วแต่ยังไม่มีตัดตก
ในกรณีที่เริ่มสร้างงานใหม่เลย ให้นักออกแบบตั้งค่าดังนี้
1. ตั้งค่าหน้า Artboard (Width x Height) ให้เหมาะสมกับขนาดที่ต้องการพิมพ์ ตัวอย่างเช่น
- ขนาดงานพิมพ์ A4 : W = 210 mm / H = 292 mm
- ขนาดงานพิมพ์ A5 : W = 145 mm / H = 210 mm
- ขนาดงานพิมพ์ A6 : W = 100 mm / H = 145 mm
- ขนาดงานพิมพ์ B5 : W = 182 mm / H = 257 mm
2. Set ระยะ Bleed (ระยะตัดตก หรือระยะเผื่อเจียน) โดยรอบ 3 มม. อย่าลืมที่จะเช็คดูด้วยว่า ระบบสีเป็นระบบ CMYK หรือไม่ พร้อมด้วยตั้งค่า Raster Effects ไว้ที่ 300 ppi (โดยทั่วไปโปรแกรมจะตั้งไว้ให้อยู่แล้ว เรามักจะไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม)
ในกรณีที่เป็นงานที่ซับซ้อน หรืองานไม่ได้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม (เช่น งาน packaging งานกล่อง งานที่มีการไดคัท) ให้นักออกแบบเซ็ตให้ artboard ใหญ่กว่าเนื้องานไว้เท่าไหร่ก็ได้ โดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องการเซ็ต bleed 3 มม. อีก เพราะกรณีนี้เราจะใช้ artboard เป็นพื้นที่วางรูปเฉย ๆ ครับ จะต้องไปทำตัดตกแบบ manual แทน ซึ่งจะอธิบายอีกทีในลำดับถัดไป ส่วนขนาดงานพิมพ์อื่น ๆ ถ้านักออกแบบสงสัย สามารถสอบถามจากโรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. เป็นกรณีไปครับ
ในกรณีที่ต้องการตั้งค่าตัดตกจากงานที่ทำค้างไว้อยู่แล้ว สามารถทำได้ดังนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Document Setup
2. Set bleed ไว้ 3 มม.
เมื่อทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว ก็จะได้ artboard ว่าง ๆ ประมาณนี้
โดยเส้นที่เห็นในรูปสีดำคือขอบงานจริงเมื่อพิมพ์ออกมาสำเร็จเป็นรูปเล่ม ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า Trim Mark ส่วนเส้นสีแดง ๆ คือเส้นตัดตก (เส้น Bleed Mark) นั่นเองครับ ในกรณีที่ทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว แต่ยังไม่เห็นเส้นสีแดง แสดงว่านักออกแบบยังไม่ได้เปิดให้โปรแกรม Show Guide ครับ ต้องเซ็ตให้ Illustrator แสดงเส้นไกด์ขึ้นมาก่อน คลิกที่เมนูบาร์ View > Guides > Show Guides หรือกด shortcut Ctrl + ; ก็ได้ครับ
การออกแบบสำหรับงานทั่วไป
งานทั่วไปในที่นี้ยกตัวอย่างเช่น งานปกหนังสือ งานแผ่นพับ โปสเตอร์ โบรชัวร์ โปสการ์ด ที่คั่นหนังสือ หรืองานใด ๆ ที่สามารถตัด 4 ด้านให้ออกมาเป็นสี่เหลี่ยมได้ นักออกแบบสามารถสร้าง artboard ที่มีเส้น bleed ขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือออกแบบได้เลย เมื่อนักออกแบบทำการวางงานในหน้า artboard นักออกแบบจะต้องวางกราฟฟิคทั้งหมดให้ถึงเส้น Bleed mark ด้วย มาถึงตรงนี้ทางโรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. อยากเตือนความจำอีกทีนะครับว่า เนื้อหาใด ๆ ที่อยู่เลยเส้น Trim mark (เส้นสีดำ) จะถูกตัดทิ้งทั้งหมด ดังนั้น การวางงานก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
การออกแบบสำหรับงานพิเศษ
สำหรับงานที่มีความพิเศษขึ้นมา เช่น งานไดคัท งานพิมพ์กล่อง กล่องบรรจุภัณฑ์ งานแพคเก็จจิ้ง Packaging งานพิมพ์แฟ้มกระดาษ พิมพ์สติ๊กเกอร์ งานสติ๊กเกอร์ ฯลฯ ที่รูปร่างของงาน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กรอบสี่เหลี่ยม ๆ ในกรณีนี้ artboard จะเป็นแค่พื้นที่วางงานเฉย ๆ นักออกแบบไม่ต้องสนใจว่าขนาด artboard จะเป็นเท่าไหร่นะครับ ขอแค่ให้ใหญ่กว่างานก็พอ ระยะตัดตกก็ไม่ต้อง set เพราะจะต้องทำแบบ manual เอง เช่น งานกล่องตามภาพนี้
จะเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นงานกล่อง แต่ก็ต้องมีระยะตัดตกอยู่ดี เพราะในขั้นตอนการนำไปไดคัท ก็เหมือนกับการตัดเจียนรูปเล่ม หากไม่ได้ออกแบบกราฟฟิคเผื่อไว้ อาจมีขอบขาว ๆ ปรากฎเข้าไปในเนื้องานได้ครับ ซึ่งงานที่ซับซ้อนเช่นงานกล่องนี้ อาจจะต้องเผื่อระยะตัดตก 4-5 มม. เลยทีเดียว
งานพิมพ์กล่อง กล่องบรรจุภัณฑ์ งานแพคเก็จจิ้ง Packaging งานสติ๊กเกอร์ก็เช่นกัน ถึงแม้จะมีรูปร่างทรงกลม แต่ก็ต้องมีระยะตัดตกให้โรงพิมพ์อยู่ดีครับ ซึ่งการ set ระยะตัดตกของงานแบบนี้จะเริ่มจาก เส้นขอบของการไดคัทก่อน ถ้านักออกแบบมีประสบการณ์หรือเคยพิมพ์งานลักษณะนี้มาแล้ว ก็จะมี Template ที่เรียกว่าเส้นมีดไดคัทอยู่ แต่ถ้านักออกแบบไม่มีหรือทำไม่เป็น สามารถขอความช่วยเหลือเรื่อง Template มีดไดคัทจากโรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. ได้ครับ ตัวอย่างของ Template ไดคัท มีหน้าตาแบบนี้ครับ
วิธีการสร้างระยะตัดตก เริ่มจาก
1. เลือกเส้น Path ขอบนอกของงาน แล้วคลิกเมนูบาร์ Object > Path
2. เลือกคำสั่ง Offset Path
3. ใส่ค่า Offset 4 มม. แล้วกด OK
4. เมื่อกด OK แล้ว ก็จะได้เส้นรอบนอกที่ใหญ่กว่าเดิมออกมา 4 มม. ด้วยกัน ซึ่งเส้นนี้จะถูกใช้เป็นแนวระยะตัดตก นักออกแบบก็มีหน้าที่วางงานกราฟฟิคให้ออกมาจรดเส้นนี้เป็นอันเสร็จสิ้นครับ